สธ.เคาะแยกงบ ‘บัตรทอง’ 1.37 แสนล้าน สปสช.ยืนยันไม่กระทบโรงพยาบาล

 สุขภาพ บอร์ด สปสช. มีมติให้ประกาศหลักเกณฑ์บริหารกองทุนบัตรทองปี 66 แยกจัดสรรงบวงเงิน 5.1 พันล้านบาท ยืนยันโรงพยาบาลทุกแห่งยังจัดบริการตามปกติ ไม่ให้มีช่องว่างในการให้บริการใดๆ เกิดขึ้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวถึงกรณียังไม่มีการลงนามในร่างหลักเกณฑ์การบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทอง ปีงบประมาณ 2566 เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องงบส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค (PP) ที่ให้ครอบคลุมสิทธิสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม อาจไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ทำให้ยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงไปยังหน่วยบริการ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด สปสช. มีความเห็นเป็นฉันทามติว่า เรามุ่งหวังให้ประชาชนทุกคน ทุกสิทธิ สามารถได้รับบริการสุขภาพที่จำเป็น โดยไม่มีอุปสรรคทางการเงิน และทุกฝ่ายจะดำเนินการร่วมกันให้บรรลุตามเป้าหมายนั้นโดยไม่ขัดกับกฎหมาย และเห็นด้วยที่ให้มีการทำความชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมายว่ากองทุนหลักประกันสุขภาพฯ ครอบคลุมประชากรในส่วนใดบ้าง ตามมาตรา 5, 9, 10 และ 66 โดยปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการไปเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลกระทบหน่วยบริการ  ข่าวสุขภาพ เนื่องจากยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณบัตรทองปี 2566 นั้น บอร์ด สปสช. มีฉันทามติประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนบัตรทองปี 2566 ตามที่เลขาธิการ สปสช. เสนอจากการหารือกับกระทรวงสาธารณสุข โดยในหลักการให้เร่งจัดสรรงบส่วนใหญ่ 1.37 แสนล้านบาทให้กับหน่วยบริการต่างๆ ก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับการดูแลประชาชน และชะลอการจัดสรรงบประมาณในส่วนงบส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคบางส่วน วงเงิน 5,146.05 ล้านบาท ทั้งนี้ หน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุขจะจัดบริการให้ครอบคลุมประชาชนทุกคนที่อยู่ในความรับผิดชอบ และ สปสช.จะดำเนินการให้หน่วยบริการอื่นนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเช่นเดียวกัน เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการบริการประชาชน

แนะนำข่าวสุขภาพ อ่านเพิ่มเติมคลิกเลย : ‘ต้นตีนเป็ด’ แพทย์แผนไทย เตือนเลี่ยงสูดกลิ่น อาจส่งผลต่อระบบหัวใจล้มเหลว